แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ร้านอาหารอีสาน แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ร้านอาหารอีสาน แสดงบทความทั้งหมด

วันพฤหัสบดีที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2558

น้ำพริกปลาร้าลวกจิ้มฉบับ ร้านอาหารอีสาน




ร้านอาหารอีสาน อาหารที่ทานพร้อมกับข้าวที่แทบทุกบ้านจะต้องมีและะทำเป็นคือ น้ำพริก และน้ำพริกตามสูตรต่างๆ ก็มีรสชาติและวัตถุดิบที่แตกต่างกันและในวันนี้จะพาไปทำน้ำพริกสูตรเด็ดตามแบบฉบับอีสานสุดแซบกันนั่นก็คือ "น้ำพริกปลาร้า" ไปลุยกันเลยดีกว่า

การจะทำน้ำพริกแต่ละทีนั้น ไม่ว่าจะน้ำพริกอะไรก็แล้วแต่ส่วนใหญ่จะค่อนข้างยุ่งยากพอสมควร เพราะต้องเตรียมเครื่องปรุงและวัตถุดิบส่วนผสมจะต้องครบ ถ้าหากเครื่องขาดไปอย่างใดอย่างหนึ่งก็จะทำให้น้ำพริกนี้ขาดรสชาติไม่ครบรสเลยก็ว่าได้เลยก็ว่าได้ ขั้นแรกนั้นเตรียมเครื่องเคียงมี ปลาร้าสับ, พริกขี้หนู, หอมแดง, กระเทียม, ใบมะกรูด, ขิง, กระชาย, น้ำมะขามเปียกและเครื่องปรุงรส แล้วนำไปซอยหยาบๆ แล้วนำส่วนผสมยกแว้นปลาร้าลงไปโครกในครก ให้ส่วนผสมรวมเป็นเนื้อเดียวกัน จากนั้นก็เติมเนื้อปลาร้าสับลงไปแล้วโครกรวมกันอีกรอบ ปรุงรสด้วยน้ำปลาร้า, ชูรส, และพริกป่น ชิมดูจนได้รสชาติตามใจชอบ

ร้านอาหารอีสาน "น้ำพริกปลาร้าลวกจิ้ม" เป็นอาหารที่ยอดนิยมไม่ใช่เพียงคนอีสานเท่านั้น แต่เป็นอาหารที่นิยมของคนทั้งประเทศ ซึ่งแต่ละสูตรก็อร่อยแตกต่างกันไป ไว้ทานกับผักลวกต่างๆ หรืออาจจะทานเคียงกับเนื้อสัตว์ต่างๆได้ด้วย บอกได้คำเดียวแซบอีหลีอีหลอ กะด้อกะเดี้ยเด้อ

วันพุธที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2558

ร้านอาหารอีสาน กับวัฒนธรรมการกิน



ร้านอาหารอีสาน ดินแดนอีสานนั้นแต่เก่าก่อนเป็นพิ้นที่ๆแห้งแล้ง กันดาร ประชากรส่วนใหญ่ก็มีฐานะที่ยากจน อาชีพส่วนใหญ่ก็ทำไร ทำนากัน จึงทำให้อาหารการกินของชาวอีสานสมัยนั้น มีส่วนประกอบของข้าวเป็นหลัก และอาหารที่ทานเคียงคู่กับข้าวในช่วงนั้น ก็ตามมีตามเกิด หาอะไรได้ก็กินอันนั้น เข้าไปในป่าในดงของกินก็หายาก ไปขุดนั้นหานี่ก็ไม่มี จึงไม่แปลกเลยว่าทำไมคนอีสานจึงกินอะไรที่แปลกๆไม่คุ้นตาอย่างเราๆ

เมนูอาหารอีสานเท่าที่เห็นจึงมีแต่เมนูที่แปลกๆ ทั้งแมลงบ้าง สัตว์เลื้อยคลานบ้าง สัตว์ปีกต่างๆ และเมนูที่หลายๆคนไม่คิดว่าจะเป็นของที่นำมารับประทานได้ ทุกๆอย่างล้วนดูแปลกทาง แต่บอกได้คำเดียวว่า เป็นเมนูที่สุดแสนจะมหัศจรรย์ รสชาติส่วนใหญ่ก็จัดจ้านสะใจ เครื่องเทศกระโดดนำมาเลย

ร้านอาหารอีสาน อันที่จริงแล้วอาหารการกินของแต่ละชนชาตินั้น ที่จริงแล้วก็มีวัฒนธรรมและความแตกต่างกันอยู่แล้ว เมนูบางอย่างที่เราเห็นอาจจะดูแปลกในสายตา แต่มันเป็นเรื่องปกติของเขา จะยกตัวอย่างเช่น ปลาร้า บ้านเรานั้นพบได้ทั่วประเทศไว้ปรุงกับส้มตำถูกปากถูกใจคนทั้งประเทศ แต่ถ้าหากฝรั่งมาเห็นเป็นต้องหยีปาก เพราะดมแค่กลิ่นฝรั่งก็แทบจะอวกแล้ว เรื่องอาหารการกินนั้นมีการวิวัฒนาการอยู่ตลอดเวลา และเราต้องขอบคุณบรรพบุรุษที่ลองผิดลองถูกมาเรื่อยๆ ว่าอันไหนกินได้ อันไหนกินไม่ได้ จนในทุกวันนี้อาหารการกินจึงมีความหลากหลายมากขึ้น

วันอังคารที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

ร้านอาหารอีสาน ตำมั่ว




ร้านอาหารอีสาน บ้านเรานั้นมีเมนูหลากหลายเมนูที่ขึ้นชื่อของเมืองไทย และหนึ่งในเมนูนั้นก็คือส้มตำ และส้มตำได้แตกแขนงออกไป หลายรูปแบบตามพื้นที่และท้องถิ่น และหนึ่งในนั้นคือ " ตำมั่ว " และตำมั่วในแต่ละท้องที่ก็ต่างกันออกไปอีก และวันนี้พาไปทำตำมั่วในแบบฉบับเบสิคพื้นฐาน ที่ร้านส้มตำต้องมีและทำได้

วัตถุดิบ - เครื่องปรุง อาจจะมากและดูยุ่งยากไปสักหน่อยหนึ่ง
มะละกอ, ขนมจีน, มะเขือเทศ, พริก, ถั่วฝักยาว, ถั่วงอก, เนื้อหอยเชอรี่, ผักชีฝรั่ง, หน่อไม้ดอง และเครื่องปรุงน้ำปลา, น้ำตาล ที่ขาดไม่ได้คือ น้ำปลาร้า ขั้นตอนแรก โคลกพริกขี้หนูสดให้พอหยาบละเอียด แล้วผ่ามะเขือเทศลงไป เติมน้ำปลาร้าลงไป แล้วนำส่วนผสมทั้งหมดไปคลุกลงในครก แล้วปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำมะนาว และน้ำตาล ตำมั่วควรจะปรุงให้รสจัดสักหน่อยหนึ่ง เพราะว่าเส้นขนมจีนจะดูดน้ำเข้าไปทำให้รสชาติจืดๆจางๆ ปรุงตามใจชอบ เสร็จแล้วก็ตักใส่จานโรยหน้าด้วยถั่วลิงสงค์ พร้อมรับประทานได้เลย

ร้านอาหารอีสาน "ตำมั่ว" ทุกคนคงจะเคยทานไม่ใช่เพียงแค่ชาวอีสานและอาจจะเป็นเมนูประจำมื้อเที่ยงของใครหลายๆคน อาจจะไม่มีสูตรที่ตายตัวผู้อ่านสามารถเพิ่มหรือดัดแปลงเป็นสูตรต่างๆตามใจชอบได้เพราะชื่อเมนูก็บอกไว้อยู่แล้วว่า >>> ตำมั่ว

วันศุกร์ที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

ร้านอาหารอีสาน หมกลูกอ๊อด (หมกฮวก)



ร้านอาหารอีสาน หลังจากคราวที่แล้วได้นำเสนอเมนูเกี่ยวกับเนื้อกบไปแล้ว ในวันนี้จะพาไปทำเกี่ยวกับลูกของกบกันบ้างนั่นก็คือ "หมกลูกอ๊อด" หรือภาษาบ้านๆเราเรียก หมกฮวก ซึ่งลูกอ๊อดนั้นคือตัวอ่อนของกบที่ฝักจากใข่ แล้วกำลังจะเจริญเติบโตเป็นตัวเต็มไว (แต่โดนจับมากินซะก่อน 555) และในวันนี้จะพาไปดูและขั้นตอนกรรมวิธีในการทำกัน ไปกันเลย

ขั้นตอนแรกและขั้นตอนสำคัญ คือการครัวอย่างไรไม่ให้ลูกอ๊อดคาว เมื่อได้ลูกอ๊อดมาแล้วให้เรานำไปไล่เครื่องในและขี้มันออก เพราะหากไม่ทำเช่นนี้ตอนนำไปประกอบอาหารจะมีรสชาติเฝื่อนๆไม่อร่อย เมื่อไล่ขี้ออกหมดแล้วก็นำไปแช่ในนำเกลือประมาณ 5 - 10 นาทีจากนั้นก็นำไปล้างด้วยน้ำเปล่าสะอาดอีกครั้งหนึ่ง มาถึงเครื่องปรุงก็ไม่ยุ่งยากมากมาย มีเพียงแค่เกลือ, พริกไทยกับกระเทียมสับเล็กน้อยเท่านั้น นำไปห่อกับใบตอง และที่ขาดไม่ได้เลยสำหรับห่อหมกอีสานคือ ผักแขยง หรือภาคอีสานเรียกผักอีตู่ เติมพริกสดกับตะไคร้ 2 - 3 เม็ด ห่อให้มิดชิด แล้วนำไปย่างไฟโดยใช้ไฟจากถ่าน และวิธีการจะดูว่าหมกสุขได้ที่แล้วก็คือ นำมาลองยกดูหากมีน้ำหนักเบากว่าตอนแรก แสดงว่าสุกแล้ว เปิดหมกดูหากมีกลิ่นหอมแสดงเป็นว่าสุกใช้ได้ พร้อมจะจิ้มกับข้าวเหนียวร้อนๆแล้ว น้ำลายไหล

ร้านอาหารอีสาน "หมกลูกอ๊อด" หมกฮวกนั้น ปัจจุบันเป็นอาหารที่หาทานได้ค่อนข้างยากแล้ว ถ้าไม่ใช่ตามท้องทุ่งนาก็หายากหน่อยเพราะส่วนใหญ่จับมาได้ก็เอาไปทานเสียส่วนใหญ่ แต่ก็ยังพอมีขายอยู่บ้างตามตลาด แต่มีราคาค่อนข้างแพง จัดเป็นเมนูสุดเด็ดอีกหนึ่งเมนู ที่ชาวอีสานการันตรีความอร่อย ไม่แพ้อาหารฝรั่งเลยหละ

วันจันทร์ที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

ร้านอาหารอีสาน แจ่วบอง




ร้านอาหารอีสาน หากจะพูดถึงอาหารอีสานที่แทบจะทุกครัวเรือนต้องมีและทำทาน ซึ่งเป็นอาหารเคียงทานคู่กับอาหารหลัก นั่นก็คือ "แจ่ว" หรือที่คนไทยเราเรียก น้ำพริก ซึ่งน้ำพริกนั่นก็มีกลเม็ดและวิธีทำอยู่มากมาย และในวันนี้จะพาไปล้วงก้นครัวไปทำ "แจ่วบอง" ตามแบบฉบับอีสานแท้ๆ ไปให้ลองทำทานกัน ไปลุยกันเลย

การเลือกวัตถุดิบ ในการทำแจ่วบองนั้นเครื่องปรุงจะต้องครบ เครื่องแกงจะต้องแน่น เพราะจะต้องดับความคาวออกไปไห้หมด ปลาร้าที่จะต้องใช้ก็ควรจะใช้ปลาร้าที่ผ่านการหมักมาสักประมาณหนึ่ง ขั้นแรกให้นำปลาร้าไปย่างไฟให้สุกโดยห่อด้วยใบตอง นำเครื่องแกง ใบมะกรูด, ตะไคร้, หอมแดง, พริกขี้หนู ,กระเทียม, ข่า ไปย่างไฟอ่อนๆพอให้มีกลิ่นหอม แล้วนำไปโคลกให้ละเอียดหรือนำไปปั่นก็ได้ ย้ำว่าต้องละเอียด พอเนื้อปลาเริ่มสุกและที่สำคัญต้องแห้ง ก็นำเนื้อปลาร้าไปสับให้ละเอียดย้ำว่าต้องละเอียด แล้วนำส่วนผสมทั้งหมดไปคลุกรวมกันอีกครั้งหนึ่ง แล้วนำไปผัดกับมันในกระทะ ปรุงรสด้วยน้ำมะขามเปียก, น้ำปลา, พริกป่น เคี่ยวต่อจนง่วนและเริ่มแห้งก็เป็นอันใช้ได้

ร้านอาหารอีสาน "แจ่วบอง" เมื่อทำเสร็จแล้วสามารถเก็บรักษาไว้ได้นาน โดยเก็บใส่ไว้ในกระปุกมิดชิด เป็นน้ำพริกเครื่องจิ้ม เอาไว้ทานคู่กับ ไก่ย่าง, เนื้อหมู, เนื้อปลาก็เข้ากันได้อย่างดี หรือจะจิ้มข้าวเหนียวธรรมดาๆทาน ก็อร่อยไม่ใช่เล่นนะเออ

วันศุกร์ที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

ร้านอาหารอีสาน ซุบขนุน



ร้านอาหารอีสาน วันนี้จะพาไปทานอาหารอีสานแบบดิบๆป่าๆ กันบ้างนั่นก็คือ "ซุปขนุน" หรือภาษาบ้านๆเราเรียก ซุปบักมี่ เดิมแล้วที่จริงขนุนนั้นเป็นผลไม้ชนิดหนึ่งที่มีรสชาติที่มีรสหวาน แต่ภูมิปัญญาชาวบ้านนั้นได้ดัดแปลงประยุกต์นำมาเป็นอาหารคาวที่ประประทานคู่กับข้าวเหนียวแล้ว เข้ากันอย่างไม่น่าเชื่อ

ขั้นตอนในการทำ เราจะใช้ขนุนอ่อนไม่ถึงกับแก่มาก นำไปหั่นเป็นชิ้นๆแล้วนำไปต้มในน้ำเดือด การต้มเนื้อขนุนนั้น ก็เพื่อเป็นการลดความขมและชำระล้างยางขนุนออก เพราะยางขนุนเป็นอันตราย ควรจะต้มในน้ำเดือดสักประมาณ 2 ครั้งต้มจนเนื้อเริ่มนิ่ม แล้วนำไปน๊อคในน้ำเย็น จากนั้นนำหอมและกระเทียมไปย่างไฟให้พอเกรียมๆ แล้วนำหอมและกระเทียมไปโคลกให้ละเอียด ตามด้วยพระเอกของเราคือขนุน โคลกส่วนผสมทุกอย่างให้เข้ากัน อาจจะเติมเนื้อปลาทูเพื่อเพิ่มคุณค่าทางอาหารก็ได้ แล้วปรุงรสด้วยน้ำปลา พริกป่น น้ำปลาร้า ปรุงตามใจชอบ พร้อมเสริฟได้เลย

ร้านอาหารอีสาน "ซุปขนุน" ถือว่าเป็นเมนูภูมิปัญญาชาวบ้าน ที่ดัดแปลงและประยุกต์ออกมาได้อย่างลงตัว จึงไม่น่าแปลกใจว่าทำไม จากขนุนที่เป็นผลไม้ชนิดหนึ่ง จะนำมาเป็นอาหารหลักรับประทานคู่กับข้าว อร่อยอย่าบอกใคร หากใครได้ลองรับประทานแล้ว ก็ยากที่จะปฎิเสธถึงความอร่อยได้

วันอาทิตย์ที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

ร้านอาหารอีสาน ผัดเผ็ดกบ



ร้านอาหารอีสาน ช่วงนี้หน้าร้อน คงจะต้องหาเมนูป่าๆเผ็ดร้อนตาม ร้านอาหาร มารับประทาน และเมนูวันนี้คือ "ผัดเผ็ดกบ" ซึ่งกบนั้นเป็นสัตว์ที่พบได้ทั่วทุกภูมิภาคของไทย ซึ่งแต่ละสายพันธ์ก็มีความแตกต่างกันไป แต่ที่พบได้ทั่วไปและนิยมนำมาประกอบอาหารนั้นคือ กบนา ไปดูกันเลยว่าวิธีการทำผัดเผ็ดกบ ให้แซ่บสะเด่าถึงใจต้องทำอย่างไร ไปดูกัน

ขั้นตอนที่สำคัญในการทำผัดเผ็ดกบก็คือ การทำให้กบหายคาว ขั้นตอนนี้สำคัญมากเพราะจะบ่งบอกรสชาติในการรับประทานเลยก็ว่าได้ เราจะใช้แต่ส่วนของเนื้อกบเท่านั้น ส่วนหัวตัดทิ้งไป ส่วนหนังนั้นจะนิยมนำไปทอดมากกว่า เพราะหนังกบค่อนข้างเหนียวเคี้ยวยาก เอาเครื่องในออกให้หมด แล้วไปแช่ในน้ำเกลือทิ้งไว้ จากนั้นมาถึงขั้นตอนเตรียมเครื่องแกง พริกแกงแบบเผ็ด, พริกไทยอ่อน, ใบมะกรูดหั่นฝอย, ใบโหระพา, กระเทียม, กระชาย,พริกสดหั่น, ถั่วฝักยาว จากนั้นนำเนื้อกบที่พักไว้ไปสับให้ละเอียด ตั้งกระทะให้ร้อน นำพริกแกงกับกระเทียมสับลงรวนสักครู่ แล้วเติมเนื้อกบลงไปผัดให้สุก ก็เติมกระชาย พริกไทยอ่อน พอเครื่องเริ่มหอมก็ใส่ถั่วฝักยาว ใบโหระพาลงไป ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำตาล และพริกไทย ชิมดูหากเผ็ดไปก็เติมน้ำเพื่อลดความเผ็ดลงได้ โรยด้วยพริกหั่นเฉียง ใบมะกรูดหั่นฝอย เป็นอันเสร็จพร้อมเสริฟ ได้เลย

ร้านอาหารอีสาน "ผัดเผ็ดกบ" เป็นเมนูอาหารป่าที่ขึ้นชื่อแถมยังมีสมุนไพรทานแล้วยังมีประโยช์นต่อร่างกายอีกด้วย ด้วยรสชาติอันจัดจ้านเผ็ดร้อนคงจะครองใจหลายๆคนได้อย่างไม่ยาก หากได้รับประทานคู่กับไข่เจียวและข้าวสวยละก็ แม่เจ้าโว้ย ไม่อยากจะอธิบายเลยหละคุณผู้โชมม !

วันพุธที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

ร้านอาหารอีสาน ไส้กรอกอีสาน



ร้านอาหารอีสาน วันนี้จะพาไปดูอาหารพื้นบ้าน ที่มีต้นกำเนิดจากอีสานโดยแท้นั่นก็คือ "ไส้กรอกอีสาน" เป็นเมนูที่นิยมกันกว้างขวางทั่วทั้งอีสานและในประเทศ ซึ่งแต่ละภูมิภาคก็มีเอกลักษณ์ที่แตกต่างกันไป ทั้งใส้กรอกหมู ใสกรอกข้าว ทางภาคเหนือก็จะมีใส้อั่ว ซึ่งใส้กรอกแต่ละอันก็ให้รสชาติที่แตกต่างกันตามภูมิภาคของพื้นที่นั้นๆ  และในวันนี้จะพาไปดูวิธีการทำ ใส้กรอกแบบฉบับอีสาน ถ้าพร้อมแล้ว ไปเริ่มกันเลย

ก่อนอื่นจะต้องเตรียมวัตถุดิบ หลักๆก็จะมี เนื้อหมูบดติดมัน, ไส้หมู, กระเทียม, ข้าวเหนียวนึ่ง, เกลือ, และพริกไทย ขั้นตอนแรกก็ ก็นำเนื้อหมุบดหมักกับกระเทียมสับ, พริกไทย, อาจจะปรุงรสด้วยซอสเล็กน้อย แล้วนำไปผสมกับข้าวเหนียวนึ่ง คลุกเล้าให้เข้ากัน พักไว้หลังจากนั้นนำใสหมูไปคว้าน ล้างน้ำให้สะอาด โดยคว้านให้ละเอียดกลับใส้ล้างทั้งข้างในและข้างนอก ล้างน้ำด้วยเกลือเล็กน้อย จากนั้นให้นำเชือกมามัดปลายใส้ข้างหนึ่ง แล้วก็นำเนื้อหมูที่เตรียมไว้ ยัดใส่ลงไปในใส้ทำจนส่วนผสมหมด ก็มัดปลายอีกด้านหนึ่ง มาถึงขั้นตอนเด็ด ให้ใช้เชือกมัดใส้กรอกให้เป็นลูกกลมๆมีขนาดพอดีคำ พอเสร็จก็นำไปตากแดดประมาณ 2-3 วัน จะทำให้ใส้กรอกมีรสเปรี้ยว วิธีเก็บก็ใส่ไว้ในถุงพลาสติก แช่ไว้ในตู้เย็น

ร้านอาหารอีสาน "ไส้กรอกอีสาน" ขั้นตอนและวิธีการก็ไม่ยากแต่ต้องใช้เวลา จัดว่าเป็นเมนูที่ได้รับความนิยม หาทานได้ง่าย แถมมีราคาย่อมเยาว์ รับประทานคู่กับ ขิงดอง, พริกสด ผักสดต่างๆ เป็นกับแกล้มก็ดี เป็นอาหารหลักก็ได้ อร่อยเหาะอย่าบอกใคร

วันอาทิตย์ที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

ร้านอาหารอีสาน ก้อยหมู



ร้านอาหารอีสาน วันนี้จะพาเพื่อนๆทำอาหารอีสานที่นิยมทำทานกันและมีตามร้านอาหารอีสานทั่วๆไปนั่นก็คือ "ก้อยหมู" การทำก้อยต่างจากการทำลาบก็คือ เนื้อนั้นจะต้องนำไปย่างให้สุกเสียก่อน ต่างจากลาบ ต้องน้ำเนื้อไปรวนหรือนำไปลวงให้สุก และวันนี้ก็จะพาทำก้อยหมูแบบง่าย ซึ่งคุณก็ทำทานเองได้อย่างไม่ยากเย็นที่บ้าน

ส่วนในการเลือกเนื้อหมูที่จะนำไปย่างนั้น ควรเลือกเนื้อหมูที่ติดมันเล็กน้อย เพราะตอนนำไปย่างจะได้ให้มีมันติดเนื้อ ย่างด้วยไฟปานกลาง ห้ามใช้ไฟแรงเด็ดขาด เพราะเนื้อหมูสุกแต่ข้างนอกไหม้ ไม่น่ารับประทาน พอเริ่มสุกเหลืองได้ที่ ก็นำไปซอยให้เป็นชิ้นพอดีคำ นำไปคลุกกลับข้าวคั่ว ต้มหอมซอย พริกบ่น และหอมแดง ปรุงรสด้วยน้ำมะนาว น้ำปลา คลุกเคล้าให้เข้ากันอีกรอบ โรยหน้าด้วยใบสาระแหน่ เป็นอันเสร็จพิธี

ร้านอาหารอีสาน ก้อยหมูนั้น ถือว่าเป็นอาหาร Basic พื้นฐานของอาหารอีสานเลยก็ว่าได้ เพราะเป็นเมนูที่หารับประทานได้ไม่ยาก และยังต่อยอดพัฒนาไปเป็นอาหารอีสานหลากหลายประเภทได้อีกด้วย หากใครคิดอยากลองทำ แนะนำเลยว่าเมนูก้อยหมูเหมาะมากสำหรับผู้เริ่มต้นทำอาหาร ไม่ยุ่งยากอย่างที่คิด

วันพุธที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2558

ร้านอาหารอีสาน กับวิธีการทำผักดอง (ส้มผัก)




ร้านอาหารอีสาน การดองผักหรือชาวอีสานเรียกส้มผัก คือวิธีการถนอมอาหารแบบภูมิปัญญาชาวบ้านชนิดหนึ่งโดยการนำผักสดไปดองในน้ำ ผักที่นำไปดองก็สามารถไปดองได้เกือบทุกประเภท แต่ที่นิยมน้ำมาดองกันมากที่สุดก็คือ ผักกาดขาวหรือเขียว, กะหล่ำปลี, ต้นหอม, ผักแป้น ซึ่งแต่ละพิ้นที่ภูมิภาคก็มีวิธีการดองผักที่แตกแต่งกัน การดองเปรี้ยว ดองเค็ม กรรมวิธีก็ไม่ได้แตกต่างกันมากมาย วันนี้จะพาไปล้วงเคล็ดลับการทำส้มผักให้มีรสชาติที่ดีและเก็บไว้ได้นาน แถมปลอดภัย ถูกหลักอนามัยอีกด้วย

และผักที่จะนำมาทำส้มผักคือ กุยช่าย(ผักแป้น) ซึ่งเป็นผักที่พบได้ง่ายตามท้องถิ่นทั่วไป และนิยมที่สุด เคล็ดลับของการดองผักนี้คือ น้ำซาวข้าว คุณสมบัติของน้ำซาวข้าวคือ ช่วยถนอมอาหารให้ยังดูสดใหม่และเก็บไว้นานขึ้น ขั้นแรกนำผักไปล้างน้ำให้สะอาด น้ำผักที่ล้างแล้วไปคั้นกับเกลือละเอียดประมาณ 1-2 ชอ้นโต๊ะ เวลาคั้นควรจะเบาๆมือเพราะผักจะช้ำ ทำแบบนี้ซ้ำ 2 รอบ แล้วเทน้ำที่คั้นผักออก จากนั้นให้เทน้ำซาวข้าวเหนียว คลุกเคล้ากับผักโดยไม่ต้องให้ท่วมพอบริ่มๆ ชิมรสให้พอเค็มหน่อยๆ อย่าเค็มจัดเพราะผักถ้าดองไว้นานๆผักจะเปรี้ยว หรือถ้าชอบเปรี้ยวก็เสริมด้วยเปลือกมะนาวเพิ่มเข้าไป ใส่ภาชนะที่มีฝาปิดแล้วทิ้งไว้ประมาณ 1 คืน ก็สามารถรับประทานได้แล้ว ถ้าจะให้ดีควรเก็บไว้ในตู้เย็น

ร้านอาหารอีสาน  เห็นหละว่าการดองผักง่ายขนาดไหน ไม่ว่าใครก็ทำเก็บไว้ทานที่บ้านได้ง่ายๆ แถมมีรสชาติที่ไม่แตกต่างจากท้องตลาดด้วย แต่ข้อควรระวังอยู่อย่างหนึ่งของการดองผักนี้ ควรจะใส่ใจในเรื่องของความสะอาด เพราะหากปรุงไม่สะอาดจะเสี่ยงอาการท้องเสียได้ง่าย

วันเสาร์ที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2558

ร้านอาหารอีสาน ต้มยำไข่อ่อน




ร้านอาหารอีสาน "ต้มยำไข่อ่อน" เมนูนี้อาจจะไม่ใช่เมนูอาหารอีสานแท้ๆ เพราะมีตามท้องถิ่นทั่วไทย แต่อยากจะมานำเสนอในแบบฉบับรสชาติอาหารอีสาน เพราะหลายๆคนอาจจะยังไม่เคยทาน ไข่อ่อนคือ ไข่ในท้องตัวแม่ไก่ที่กำลังจะฟักออกมาเป็นไข่ แต่โดนเชือดซะก่อน และวันนี้จะมาล้วงกลเม็ดเคล็ดไม่ลับ ในการทำต้มยำไข่อ่อนให้แซบถึงใจ

ขั้นตอนแรกต้องเตรียมเครื่อง ข่า, ตะไคร้, ใบมะกรูด หรือจะใช้เครื่องพริกแกงที่หาซื้อได้ตามตลาดก็ได้ ค้างหม้อต้มน้ำให้เดือดแล้วนำเครื่องใส่ลงไปในหม้อ แล้วเคี่ยวต่อให้เครื่องซึมเข้าน้ำ เติมเนื้อไก่ลงไป เคี้ยวไปเรื่อยๆจนกว่าเนื้อไก่จะเปื่อย เมื่อได้ที่แล้วก็ใสไข่อ่อนที่เตรียมไว้ลงหม้อ ปรุงรสเกลือ, น้ำปลา, น้ำตาล, น้ำมะขามเปียก, และอูมามิเล็กน้อย ปิดท้ายด้วยพริกทอด ใบโหระพา ผักแขยง และเม็ดพริกไทยเป็นอันเรียบร้อย ทานกับข้าวสวยร้อยๆ แซบอีหลีเด้อ

ร้านอาหารอีสาน ไข่อ่อนนั้น ไม่ใช่เพียงแค่ทำเป็นเพียงต้มยำแค่นั้น ยังสามารถดัดแปลงนำไปประยุกต์ไปเป็นอาหารต้ม, ผัด ,แกง ,ทอดที่น่าทานอีกมากมาย แต่ไข่อ่อนนี้หาซื้อตามตลาดยากซะหน่อย เพราะเค้าจะไม่นิยมเชือดแม่ไก่ที่กำลังตั้งไข่ หากเดินๆตลาดแล้วเจอไข่อ่อนให้รีบคว้าทันทีเลย แล้วจะรู้ถึงรสชาติของไข่ที่แท้จริงว่ามันนุ่มละมุนขนาดใหน

วันจันทร์ที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2558

ร้านอาหารอีสาน ซุปมะเขือเปราะ



ร้านอาหารอีสาน หลังจากที่ห่างหายไปหลายวัน วันนี้จะพามาทำอาหารยอดฮิตติดชาร์ต ของชาวอีสานง่ายๆอีกหนึ่งเมนู นั่นก็คือ "ซุปมะเขือเปราะ" หรือจะเรียกป่นมะเขือก็ได้ เป็นอาหารที่ดัดแปลงจากมะเขือสดๆ ให้เป็นอาหารเครื่องเคียง โดยภูมิปัญญาชาวบ้านท้องถิ่นชาวอีสานนั่นเอง

ขั้นตอนแรกคือการต้มมะเขือ มะเขือเปราะจะดูให้สดนั้น ต้องกรอบและมีรสชาติเฝื่อนๆนิดหน่อย ต้มจนสุกให้นิ่มๆ แล้วเอาไปน๊อคในน้ำเย็นพักไว้ ต่อมานำกระเทียม, พริกชี้ฟ้า, และหอมแดง ไปย่างไฟเพื่อให้มีกลิ่นหอม พอได้ที่ก็นำไปโขลกรวมกันให้ละเอียด นำมะเขือที่พักไว้ไปโคลกรวมกันกับเครื่องแกง ปรุงรสด้วยเกลือ, น้ำปลา, น้ำปลาร้า, น้ำมะขามเปียก เพิ่มงากับต้นหอมซอย โรยหน้าด้วยสาระแหน่เป็นอันเสร็จ ทานเคียงกับผักสดต่างๆ

ร้านอาหารอีสาน "ซุปมะเขือเปราะ" เป็นเมนูที่ทำทานง่ายๆ และใช้วัตถุดิบที่หาได้ทั้วไป อาจจะเติมเนื้อปลาเนื้ออ่อนต่างๆเพื่อเพิ่มคุณค่าทางอาหาร รสชาติจะออกเฝื่อนๆถูกใจผู้ใหญ่ จิ้มกับข้าวเหนียวนึ่งใหม่ๆ หรือจะทานกับข้าวสวยร้อนๆ ก็อร่อยไปอีกแบบ

วันอังคารที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2558

ร้านอาหารอีสาน ก้อยหอยเชอร์รี่




ร้านอาหารอีสาน เมนูในวันนี้อาจจะดูไม่คุ้นไปซะหน่อยนึง ร้านอาหาร ก็ไม่มีขายเพราะหลายๆคนคงยังไม่เคยเห็นและแทบไม่เคยได้ยินกันเลย นั่นก็คือ "หอยเชอร์รี่" หลายคนงง ? หอยเชอร์รี่ คืออะไร ? มันคือหอยน้ำจืดชนิดหนึ่ง พบได้ทุกภูมิภาคตามท้องทุ่งนาทั่วไป และวันนี้จะพาไปพบกับเมนูสุดฮิตของชาวอีสานอีกเมนู ที่บอกได้คำเดียวว่า แซบอีหลี

หอยเชอร์รี่ เป็นเมนูอาหารที่ชาวอีสานดัดแปลงได้มากมาย หอยเชอร์รี่นั้นมีพิษด้วยหากจะนำมาประกอบอาหารนั้น ควรจะทำอย่างถูกหลักและถูกวิธี เนื้อกรุบๆคล้ายๆเนื้อเห็ด ต้องไปต้มในน้ำเกลือเล็กน้อยให้สุก พอสุกได้ที่ก็นำเนื้อหอยไปหั่นเป็นชิ้นๆ ผักในการทำก้อยก็จะมี หอมแดง, ผักชีฝรั่ง, ต้นหอม, ใบสะระแหน่, ผักชี หั่นผักบางๆ แล้วนำไปคลุกผสมกับเนื้อหอยเชอร์รี่ที่หั่นเตรียมไว้แล้ว เติมข้าวคั่ว ปรุงรสด้วย พริกบ่น น้ำปลา น้ำตาล น้ำมะนาว และอูมามิเล็กน้อยปรุงตามใจชอบ พอได้ก็ตักใส่จานโรยหน้าด้วยใบสะระแหน่เล็กน้อย ทานเคียงกับผักสดต่างๆ

ร้านอาหารอีสาน เนื่องด้วยหอยเชอร์รี่หาง่ายและพบได้ทั่วไป ปัจจุบันจึงคนนิยมทานกันมากขึ้น และเมนูอีสานอื่นๆ ก็มักจะมีหอยเชอร์รี่เป็นส่วนประกอบด้วย เช่น ตำป่า, ตำทรงเครื่อง และอีกหลากหลายเมนู หากใครที่ไม่เคยทานหอยเชอร์รี่ แนะนำให้ลองทานดู รสชาติอร่อยไม่แพ้เนื้อสัตว์ต่างๆเลย

วันอังคารที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2558

ร้านอาหารอีสาน กุ้งเต้น



ร้านอาหารอีสาน วันนี้ก็เช่นเคย แต่วันนี้ออกแนว HardCore ไปหน่อย จะพาไปทำอาหารที่หาทานง่าย คือ "กุ้งเต้น" ด้วยความอร่อยและความรวดเร็ว จึงจัดเป็นเมนูที่ได้รับความนิมไปทั่วประเทศ วันนี้จะไปล้วงหลังครัววิธีการทำกุ้งเต้น แบบฉบับแซบๆ ซึ่งใครได้ทานเป็นต้องติดใจเป็นแน่นอน รอช้าอยู่ใยไปกันเลย

ขั้นตอนและวิธีการทำวัตถุดิบหลักๆ ก็มี กุ้งฝอย นำไปล้างน้ำให้สะอาด ควรจะเลือกกุ้งฝอยที่ยังสดๆยังไม่ตาย เพราะเมนูนี้กุ้งต้องเต้น ถ้ากุ้งไม่เต้น แสดงว่าไม่ใช่กุ้งเต้น ? งงหละสิ มาถึงเครื่องเคียง, นำต้นหอม, ผักชีฝรั่ง, ตะใคร้,หอมแดงนำมาซอย เพื่อมาเป็นวัตถุดิบในการทำน้ำยำ รสชาติน้ำยำควจจะมีรสที่จัดจ้าน โดยปรุงรสด้วยน้ำมะนาว ข้าวคั่ว พริกบ่น น้ำปลา และผักที่เตรียมไว้ นำไปคลุกเคล้าให้เข้ากัน เมื่อได้น้ำยำแล้ว ก็มาถึงวิธีการผสมกุ้งเต้น นำกุ้งที่เตรียมไว้ เทใส่ในจาน ราดน้ำยำปิดฝาครอบด้วยจานแล้วก็เชคๆ เขย่าๆให้เข้ากัน เหมือนกับเรากำลังเล่นไฮโล พอน้ำยำเข้ากับกุ้งแล้วพร้อมเสริฟได้เลย

ร้านอาหารอีสาน "กุ้งเต้น" ควรจะทานแบบที่กุ้งยังดิ้นกระแด่วๆในจาน ทานคู่กับผักสดต่างๆ พอตักเข้าปากก็ยังดิ้นในปากอีก ด้วยความหวานของกุ้งกับความแซบของน้ำยำจึงอร่อยได้อย่างลงตัว จัดว่าเป็นอีกหนึ่งเมนู ที่ได้รับความนิยมจากลูกค้าหลายรายต้องสั่งมาทาน ถึงแม้เมนูนี้อาจจะดูโหดร้ายไปบ้าง เพราะต้องใช้กุ้งสดๆแบบยังไม่ตาย แต่ถ้าใครได้เคยลองทานแล้ว รับรองติดใจ เป็นต้องสั่งมาทานอีกรอบอย่างแน่นอน

วันเสาร์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2558

แกงเห็ดเผาะ แบบฉบับ ร้านอาหารอีสาน




ร้านอาหารอีสาน เมนูของวันนี้ เป็นเมนูที่หาทานยากอีกเมนูนึง นั่นก็คือ "แกงเห็ดเผาะ" แกงเห็ดสุดแสนจะคลาสสิค ต้นตำหรับเก่าแก่แห่งเมนูชาวอีสาน บางพื้นที่ก็เรียก เห็ดดินบ้าง เห็ดถอบบ้าง แต่ชาวอุบลเรียกเห็ดเผาะ แต่ละท้องที่ก็ดัดแปลงให้เป็นอาหารชนิดอื่นๆ และวันนี้จะมานำเสนอวิธีการทำเห็ดเผาะมาแกงให้อร่อย ตามฉบับชาวอีสาน

วัตถุดิบ  - เครื่องปรุง
เห็ดเผาะ, น้ำใบย่างนาง, ตะใคร้, พริกสด, ใบแมงลัก, ใบโหระพา, น้ำปลาร้า, น้ำปลา, น้ำตาล, เกลือ
 ขั้นตอนและวิธีการ
1. ล้างเห็ดเผาะให้สะอาด เพราะดินจะเยอะมาก ควรจะเลือกเห็ดที่อ่อนๆ ถ้าเห็ดแก่ไปเนื้อจะหยาบไม่อร่อย
2. นำน้ำใบย่านางไปค้างหม้อต้มให้เดือด นำพริก,ตะใคร้ ไปโคลกให้พอหยาบๆ เติมลงไป
3. พอน้ำเดือดให้เติมเห็ดเผาะลงไป ปรุงรสด้วยน้ำตาล น้ำปลา เกลือ และน้ำปลาร้าลงไป
4. รอให้เห็ดสุกได้ซักพักปิดไฟ จากนั้นนำใบแมงลักกับใบโหระพาเติมลงไปเป็นอันเสร็จขั้นตอนพร้อมเสริฟ

ร้านอาหารอีสาน ปัจจุบันนี้เห็ดเผาะเป็นเห็ดที่หาพบยาก หาเก็บตามป่าตามดงต่างๆ ไม่ค่อยพบแล้ว แต่ก็ยังมีพ่อค้าแม่ค้าบางรายเพาะพันธ์ขยายพันธ์อยู่บ้าง และยังมีการดัดแปลงแปรรูปถนอมอาหารแบบอัดกระป๋อง แถมยังมีราคาที่แพงหูฉี่ (กิโลละหลายร้อย) สร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำให้กับพ่อค้าแม่ค้าหัวใสเป็นอย่างมาก

วันจันทร์ที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2558

ร้านอาหารอีสาน ต้มไก่บ้าน



ร้านอาหารอีสาน เมนูในวันนี้เป็นเมนูเบสิค ที่ชาวบ้านทางภาคอีสานรู้จักและคุ้นเคยเคยกันดี คือต้มไก่บ้าน ซึ่งต้มไก่บ้านแต่ละท้องที่นั้น ก็มีสูตรและวิธีการที่แตกต่างกันออกไป และวันนี้ก็จะมาสาธิตวิธีการทำต้มไก่บ้านรสชาติแบบเบสิคพื้นฐาน ไม่ว่าเป็นใครก็ทำทานเองที่บ้านได้ไม่ยุ่งยากอย่างที่คิด

การเลือกไก่ที่จะใช้ในการต้มนั้น เป็นไปได้ควรจะเลือกไก่ตัวเมียเพราะเนื้อจะได้ไม่หยาบ หากใช้ไก่ตัวผู้และถ้าเป็นไก่ตีด้วยแล้วละก็ เนื้อจะหยาบมากเคี้ยวแทบไม่ขาดเลยทีเดียว มาถึงการเตรียมเครื่องเคียงกันบ้าง ขั้นแรกก็ให้สับไก่ให้เป็นชิ้นพอคำ จากนั้นต้มน้ำให้เดือดใส่,ข่า,ตะไคร้,ใบมะกรูด,หอมแดงทุบและเกลือ เครื่องเทศเหล่านี้หากอยากให้มีรสชาติที่ดีขึ้นควรนำไปเผาก่อน พอน้ำเริ่มเดือดเครื่องเทศหอมได้ที่แล้ว ก็นำไก่ที่สับเตรียมไว้ไปต้มเคี่ยวจนเนื้อไก่นุ่ม ปรุงรสด้วย น้ำปลา,น้ำมะขามเปียก,มะนาว เพิ่มมะเขือเทศ และพริกสดทุบเติมลงไป รสชาติควรจะกลมกล่อมปนเปรี้ยวนิดๆ พอได้รสชาติที่ต้องการแล้วปิดไฟ โรยหน้าด้วยต้มหอมกับผักชี พร้อมเสริฟ

ร้านอาหารอีสาน สูตรพื้นฐานต้มไก่บ้านนี้ เป็นเมนูที่ง่ายต่อการทำ เพียงไม่กี่ขั้นตอนก็ได้รับประทานแล้ว สิ่งที่สำคัญคือการเคี่ยวไก่ หากใครชอบเนื้อเปื่อยๆหน่อยก็เคี่ยวนานๆ หากใครไม่ชอบก็เคี่ยวแค่พอสุก และเป็นอีกเมนูประจำบ้านที่หลายๆคนต้องเคยทำทานแน่นอน


วันพฤหัสบดีที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2558

ร้านอาหารอีสาน แกงขี้เหล็กหนังวัว



ร้านอาหารอีสาน ในวันนี้ก็จะพาไปดูเมนูอาหารอีสานอีกเช่นเคย และวันนี้ก็จะพาไปทำสุดยอดเมนูอาหารพื้นบ้านคือ "แกงขี้เหล็ก" ผักขี้เหล็กนั้น เป็นผักพิ้นบ้าน ที่หาได้ทั่วไปตามไร่นา ทางภาคเหนือและภาคอีสานของประเทศไทย ผักขี้เหล็กเมื่อได้นำมาประกอบอาหารแล้วนั้น อร่อยแบบพิ้นเพบ้านๆขนานแท้เลยเชียวหละ

เมนูวันนี้จะดัดแปลงจากเดิมนิดหน่อย คือ "แกงขี้เหล็กหนังวัว" เพราะการเพิ่มหนังวัว จะทานเข้ากับแกงขี้เหล็กเป็นอย่างมาก เครื่องปรุงและส่วนผสมหลักๆก็จะมี ผักขี้เหล็ก, น้ำใบย่านาง, หนังวัว,ผักชีลาว,ต้นหอม, และพริกแกงที่เราตำเตรียมไว้(พริกข่า,ตะใคร้,หอมแดง,กระเทียม,กะปิ,รากผักชี,เกลือ) ขั้นตอนแรกนำผักขี้เหล็กไปต้มแล้วคลายความขม จากนั้นค้างหม้อต้มน้ำใบย่างนางพอเดือดก็เติมพริงแกงที่เราเตรียมไว้ใส่ลงไป พอได้ที่แล้วก็นำหนังหมูไปต้ม พอหนังหมูเริ่มสุก ก็ใส่พระเอกของเราไปคือใบขี้เหล็ก ปรุงรสด้วยเกลือ น้ำปลา น้ำปลาร้า และน้ำมะขามเปียก พอได้รสชาติตามใจชอบก็ปิดไฟ เติมต้นหอม ผักชีลาว และพริกแห้งลงหม้อ พร้อมเสริฟได้เลย

แกงขี้เหล็ก เป็นเมนูอีสานที่ปัจจุบันหาทานได้ยาก ยังพอหาทานได้ตาม ร้านอาหารอีสาน ทั่วๆไป ด้วยรสชาติที่ขมลึก และกลมกล่อม พร้อมด้วยหนังวัว ที่กรุบๆหนึบๆ ทำให้ถูกอกถูกใจของคนเถ่าคนแก่เป็นอย่างมาก หากได้ทานกับข้าวสวยร้อนๆบอกได้คำเดียว แซบอีหลี

วันอาทิตย์ที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2558

ร้านอาหารอีสาน ซุบหน่อไม้



ร้านอาหารอีสาน "ซุบหน่อไม้" หนึ่งในเมนูของ ร้านอาหาร อีสานพิ้นบ้านที่มีทั่วๆไป หรือคนไทยจะเรียกกันทั่วไปว่ายำหน่อไม้ก็ได้ เพราะหน้าตามันละม้ายคล้ายคลึงกัน โดยแต่ละสูตรของทางร้านก็แตกต่างกันออกไป แต่ที่ขาดไม่ได้คือปลาร้า และใบย่านาง

การที่จะทำซุบหน่อไม้ให้ได้ต้นตำหรับรสชาติอีสานขนานแท้นั้น เคล็ดลับก็คือ ต้องนำหน่อไม่ไปเผาแล้วนำไปต้ม เติมเกลือเล็กน้อย จะช่วยดึงรสชาติของหน่อไม้ให้มีความหอมและทำให้ซุบหน่อไม้มีรสชาติที่เป็นอีสานมากกว่าเดิม  จากนั้นนำใบย่างนางที่เตรียมไว้ไปโขลกคั้นเอาแต่น้ำ จากนั้นก็นำใบย่านางไปเคี่ยวให้เหลือน้ำพอคลุกคลิก แล้วนำหน่อไม้ไปใส่ในหม้อ เติมน้ำปลาร้า น้าปลา และเกลือ ปรุงรสด้วย น้ำมะนาว พริกป่น ข้าวคั่ว ผักชี ใบสะระแหน่ หอมแดง คนให้เข้ากันพร้อมเสริฟ รับประทานคู่กับผักสดต่างๆ

ร้านอาหารอีสาน ซุบหน่อไม้นั้น เหมาะรับประทานกับข้าวเหนียวเป็นที่สุด เป็นอาหารพื้นบ้านที่ชาวอีสานรู้จักกันดี และหน่อไม้ก็เป็นจำพวกผักพื้นบ้าน ที่ชาวบ้านมักจะนำมาประยุกต์ดัดแปลงให้เป็นเมนูอื่นๆ ที่น่าสนใจมากมายอีกด้วย

วันพฤหัสบดีที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2558

ร้านอาหารอีสาน ก้อยไข่มดแดง



ร้านอาหารอีสาน เมนูอาหารอีสานเมนูนี้ บอกได้เลยว่าเป็นสุดยอดของสุดยอด เป็นอาหารของชนชั้นสูง เพราะวัตถุดิบที่นำมาประกอบอาหารนั้นอยู่บนต้นไม้นั้นเอง เมนูนี้คือ ก้อยไข่มดแดง เมนูอาหารอีสานที่ขึ้นชื่อลือชาอีก 1 เมนู ไข่มดแดงนั้น มีรสชาติที่มันๆสามารถนำมาประกอบอาหารได้หลากหลายเมนู

วัตถุดิบและเครื่องปรุงมี ไข่มดแดง, หอมแดง, ผักชี, ต้นหอม, พริกบ่น, ข้าวคั่ว, น้ำมะนาว,และน้ำปลา ขั้นตอนแรกนำไข่มดแดงไปล้างน้ำให้สะอาด จะนำไปลวกน้ำร้อนหรือจะเอาสดๆก็ได้ มาถึงวิธีการปรุงรสกันบ้าง นำไข่มดแดงมาคลุกเคล้ากับเครื่องปรุง เติมตามใจชอบ แต่รสชาติต้องเผ็ดเปรี้ยวนำ เมื่อได้รสชาติแล้ว ให้เติมผักและข้าวคั่วลงไป คลุกเคล้าอีกรอบ ชิมรสชาติแล้วพร้อมเสริฟ โรยหน้าด้วยใบสาระแหน่,ใบมะกรูดซอย รับประทานกับผักเคียง เช่นผักกาด, โหระพา, แตงกวา, มะเขือ

ร้านอาหารอีสาน  ก้อยไข่มดแดง คงเป็นเมนูที่แค่เห็นน้ำลายก็ไหลแล้ว ปัจจุบันนี้ ไข่มดแดงนั้น เริ่มจะหาทานยากได้เรื่อยๆ เพราะมีคนหากันเยอะ จึงทำให้มดแดงและปริมาณของไข่มีขนาดที่เล็กลง อีกทั้งยังมีราคาที่แพงอีกด้วย

วันอาทิตย์ที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2558

ร้านอาหารอีสาน ต้มเปรตปลาไหล



ร้านอาหารอีสาน เมนูของวันนี้คือ ต้มเปรตปลาไหล เมนูอันขึ้นชื่อเลื่องลือของชาวอีสาน จะว่าไปแล้ว เมนูนี้ คนหลายต่อหลายคนยังไม่เคยทาน และหาทานได้ยากในเมือง แต่ละท้องที่ก็มีสูตรต้มเปรตปลาไหลที่แตกต่างกัน แต่เคล็ดลับการต้มเปรตปลาไหลที่สำคัญและทุกคนต้องทำคือ...

การทำต้มเปรตปลาไหลนั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ เครื่องต้องครบ เพราะปลาไหลนั้นมีกลิ่นที่คาวมาก ขิง,ข่า,ตะไคร้ และเครื่องปรุงที่มีรสจัดๆ ต้องปรุงให้มีรสจัดจ้านเข้มข้นเอาไว้ก่อน ขั้นตอนแรกและเป็นขั้นตอนสำคัญ คือการต้มปลาไหล จะต้องล้างเมือกและความคาวของปลาไหลออกให้ได้มากที่สุด โดยใช้ใบตะใคร้ รีดเมือกของปลาไหลออก แล้วหั่นปลาไหลเป็นท่อนๆพักไว้ จากนั้นถึงมาถึงวิธีการทำ ต้มน้ำให้เดือด ใส่ ข่า,ตะใคร้,ใบมะกรูด,มะเขือเทศ,หอมแดง,กระเทียม,พริกสด,ใบมะขามอ่อน พอน้ำเดือดแล้ว ก็นำปลาไหลที่พักไว้เทลงไปในหม้อ การจะดูปลาไหลว่าสุกได้ที่นั้น เนื้อจะต้องออกแดงๆอมชมพู พอปลาใหลสุกก็ปรุงรส ที่สำคัญรสชาติต้องจัดจ้านไว้ก่อน บางที่อาจจะเติมกะปิเข้าและน้ำมะขามเปียกเสริมเข้าไป พอปรุงรสเสร็จก็ โรยหน้าด้วยผักชี ใบโหระพา ต้นหอมซอยพริกสดซอย ก็เป็นอันเสร็จพร้อมเสริฟ

ร้านอาหารอีสาน ต้มเปรตปลาไหลนั้น ดูชื่อและคิดแค่ชื่อ หลายๆคนคงเบ๋ปากแล้ว ถึงจะเป็นเมนูที่น้อยคนนักที่จะเคยทาน สำหรับใครที่ยังไม่เคยทานและอยากที่จะลองชิม รับรองได้ถึงความอร่อยแซบ และอาจจะติดใจอร่อยจนลืมไม่ลงเลยทีเดียว