วันจันทร์ที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2557

ร้านอาหารอีสาน ยำแหนมสด


ร้านอาหารอีสาน "ยำแหนมสด" สุดยอดเมนูอาหารอีสานรสเด็ดจาก ร้านอาหาร ที่หาทานกันได้เฉพาะทางแถบภาคอีสานเท่านั้น โดยมีวัตถุดิบหลักอย่างแหนมสดเป็นพระเอกสำหรับเมนู เมนูอีสานจานนี้เหมาะสำหรับท่านที่ชอบทานแหนมสดเป็นชีวิตจิตใจ แล้วเกิดเบื่อในการทานรูปแบบธรรมดา ยำแหนมสดจานนี้สามารถช่วยท่านได้ โดยการนำมายำผสมเข้ากับน้ำยำรสเด็ดที่เราคุ้นเคย จะได้รสชาติอาหารที่แปลกใหม่ อร่อยเข้ากันอย่างลงตัว

ยำแหนมสดแบบฉบับสาวอีสานอุบล จะพาทุกท่านไปล้วงความลับสูตรเด็ดจาก ร้านอาหารอีสาน ให้ได้ลองทำทานกันที่บ้านง่ายๆ แต่ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกับวัตถุดิบที่ใช้ในการทำยำแหนมสดกันเสียก่อน ซึ่งประกอบไปด้วย แหนมสด หอมหัวใหญ่ซอย ต้นหอม ผักชี พริกสดหั่น น้ำมะนาว น้ำกระเทียมดอง น้ำปลา ถั่วลิสงคั่ว ขิงอ่อนหั่นฝอย พริกขี้หนูแห้งทอด ใบสาระแหน่ ผักกาดหอม ผัดกาดขาว เมื่อทำความรู้จักกับวัตถุดิบไปเรียบร้อยแล้ว ต่อมาก็มาเรียนรู้ถึงสูตรลับในการปรุงอาหารกัน เริ่มจาก หั่นแหนมสดให้เป็นชิ้นขนาดพอดีคำ (หากต้องการทานแบบสดให้นำไปลวกในน้ำเดือดจัด แต่สำหรับท่านที่ต้องการทานสด ก็สามารถนำมาปรุงอาหารได้เลย) จากนัั้นก็มาเตรียมน้ำยำโดยผสมน้ำปลา น้ำมะนาว น้ำกระเทียมดอง พริกขี้หนูซอย ให้เข้ากัน ถ้าชอบทานน้ำยำแบบหวานในขั้นตอนนี้ให้ผสมน้ำตาลเพิ่มเข้าไปด้วย เมื่อเตรียมน้ำยำเสร็จเรียบร้อยแล้วให้นำแหนมมาคลุกเคล้าผสมกับน้ำยำที่ปรุงเสร็จแล้ว เติมหอมหัวใหญ่ซอย ต้นหอม ผักชี ขิงอ่อน ถั่วลิสงคั่วลงไปคลุกเคล้าให้น้ำยำผสมทั่ววัตถุดิบเสริม เพียงเท่านี้ก็จะได้ยำแหนมสดอร่อยๆ ไว้ทานที่บ้านกันแล้ว จัดเสิร์ฟพร้อมผักสดอย่างใบสาระแหน่ ผักกาดหอม ผัดกาดขาว ทานคู่กันอร่อยอย่าบอกใคร

ร้านอาหารอีสาน ภูมิใจนำเสนอเคล็ดลับในการทำอาหารให้เพื่อนๆ ได้อ่าน และทดลองทำทานกันที่บ้านง่ายๆ ทั้งนี้เคล็ดลับที่เราพาเพื่อนๆ ไปล้วงความลับมาสามารถดัดแปลง และเปลี่ยนรสชาติไปตามความต้องการของผู้ปรุงอาหารได้ อีกหนึ่งเคล็ดลับเพื่อสุขภาพที่อยากบอกต่อ นั่นคือ ควรทานอาหารที่รสชาติพอดีทาน ไม่ควรทานรสชาติที่จัดจนเกินไป เพราะจะทำให้ระบบเผาพลาญของร่างกายทำงานผิดพลาด ซึ่งส่งผลเสียต่อร่างกาย 

วันพฤหัสบดีที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

ร้านอาหารอีสาน ชะอมไข่ทอด

ร้านอาหารอีสาน วันนี้จะพาเข้าครัวไปรู้จักกับสุดยอดเมนูอาหารอร่อยโดนใจอย่าง "ชะอมไข่ทอด" ถือเป็นเมนูอาหารอีสานที่นิยมทานกันมากที่สุดในขณะนี้เลยก็ว่าได้ ด้วยเป็นอาหารบ้านๆ ที่นำชะอมมาทอดรวมกับไข่เจียว ได้เป็นสุดยอดอาหารพื้นบ้านไว้ทานกับน้ำพริกรสเด็ดสูตรต่างๆ หลายคนคงคิดว่าชะอมไข่ทอดเป็นเมนูอาหารที่ทำทานเองได้ยาก เนื่องจากกลัวไข่ด้านในไม่สุก แต่จริงๆ แล้วเมนูชะอมไข่ทอดเป็นเมนูอาหารที่สามารถทำทานได้เองที่บ้านง่ายๆ ไม่ยากเลย

วันนี้ทางเราจะพาเพื่อนๆ เข้าครัวไปรู้จัก และล้วงความลับสูตรเด็ดจาก ร้านอาหารอีสาน กัน ว่าเมนูชะอมไข่ทอดที่เราๆ ต่างก็ชื่นชอบในความหอม และความอร่อยนั้น มีเคล็ดลับในการทำให้อร่อยได้อย่างไร ก่อนอื่นที่เราจะมาเริ่มลงมือทำ เราอาจจะต้องมาดีไซน์รูปร่างหน้าตาของชะอมไข่ทอดที่จะได้ออกมาเสียก่อน ว่าต้องการชะอมไข่ทอดออกมาหน้าตาแบบไหน อยากได้ชะอมไข่ทอดแบบแบนๆ ก็ให้เลือกใช้กระทะที่มีลักษณะความกว้างมากหน่อย หรืออยากได้ชะอมไข่ทอดแบบก้อนๆ มนๆ ก็ให้เลือกใช้กระทะที่มีความกว้างไม่มากนัก เมื่อเราเลือกใช้กระทะตามหน้าตาของชะอมไข่ทอดได้เรียบร้อยแล้ว ต่อมาก็มาเริ่มลงมือทำกันได้เลย เริ่มจากตั้งกระทะใส่น้ำมันให้ร้อนจัดแล้วเทไข่ที่ผสมชะอมลงไปทอด พลิกสลับด้านไข่จนกว่าไข่จะเป็นรูปเป็นร่าง จากนั้นให้เทเอาน้ำมันส่วนเกินออกให้หมด แล้วหรี่ไฟลงให้เบาที่สุด ใช้ซ้อมจิ้มลงไปยังตัวไข่ ถ้าเนื้อด้านในยังไม่สุกน้ำไข่จะไหลออกมา แต่ถ้าไม่มีน้ำไข่ไหลออกมาแสดงว่าชะอมไข่ทอดน่าจะสุกในระดับหนึ่ง ให้ทอดต่อไปด้วยระดับไฟที่อ่อน ไม่เช่นนั้นไข่อาจจะไหม้ได้ ในระหว่างที่ทอดด้วยไฟอ่อนๆ ต่อ ก็ให้พลิกสลับด้านไข่ไปมา พร้อมทั้งกดตัวไข่ให้น้ำมันที่อมอยู่ภายในไหลออกมาแล้วเทน้ำมันออกให้หมด ทำเช่นนี้ไปเรื่อยๆ จนพอใจว่าชะอมไข่ทอดสุกได้ที่แล้ว ก็สามารถนำมาทานได้เลย

ร้านอาหารอีสาน มีเคล็ดลับพิเศษในการทานชะอมไข่ทอดให้อร่อยมาฝากกัน นั่นคือการนำชะอมไข่ทอดไปทานร่วมกับน้ำพริกกะปิ เนื่องจากตัวชะอมเองมีกลิ่นที่ค่อนข้างฉุน เมื่อนำมาทานร่วมกับน้ำพริกกะปิ จะช่วยดับกลิ่นฉุนของชะอมได้เป็นอย่างดี ที่สำคัญนอกจากจะดับกลิ่นฉุนได้แล้ว การนำชะอมไข่ทอดมาทานร่วมกับน้ำพริกกะปิ ยังอร่อยเข้ากันอย่างลงตัวอีกด้วย



วันจันทร์ที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

ร้านอาหารอีสาน แกงเลียงกุ้งสด

ร้านอาหารอีสาน วันนี้จะพาเข้าครัวไปรู้จักกับสุดยอดแกงรสแซ่บอย่าง "แกงเลียงกุ้งสด" ที่ถือได้ว่าเป็นสุดยอดอาหารเพื่อสุขภาพ ด้วยวัตถุดิบหลักๆ ที่นอกเหนือไปจากกุ้งสดแล้ว แกงเลียงยังประกอบไปด้วยผักเครื่องเคียงนานาชนิด นับได้ว่าทานแกงเลียงกับข้าวสวยร้อนๆ หนึ่งจาน ก็แทบจะได้ประโยชน์ครบถ้วนกันเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นโปรตีนจากเนื้อกุ้ง และวิตามินนานาชนิดจากผักเครื่องเคียง พร้อมทั้งไฟเบอร์จากกากใยผักอีกด้วย

นอกจากคุณประโยชน์ที่จะได้รับจากแกงประเภทนี้แล้ว แกงเลียงยังถือได้ว่าเป็นสุดยอดอาหารที่แคลอรี่เบาๆ อีกด้วย อันเนื่องมาจากวัตถุดิบที่เราเลือกใช้ส่วนมากเป็นวัตถุดิบที่ให้วิตามินมากกว่าพลังงาน ซึ่งวัตถุดิบในแกงเลียงที่ให้พลังงานแก่ร่างกาย ก็มีเพียงกุ้งสดเท่านั้น เมื่อเราเล็งเห็นคุณประโยชน์จากการทานแกงประเภทนี้แล้ว เราลองมาเริ่มล้วงความลับสูตรเด็ดจาก ร้านอาหารอีสาน กันดูว่าจะทำแกงเลียงไว้ทานกันที่บ้านง่ายแค่ไหน ก่อนอื่นเราต้องมาจัดเตรียมวัตถุดิบสำหรับทำอาหารกันเสียก่อน ซึ่งประกอบไปด้วย น้ำซุป(หรือน้ำเปล่า) ข้าวโพดอ่อน ฟักทอง บวบ กระชายซอย ใบแมงลัก กุ้งสด และพริกแกงเลียง(กระชาย พริกชี้ฟ้า(สีแดงคว้านเมล็ดออก) พริกไทยขาว หอมแดง กุ้งแห้ง กะปิ) เมื่อจัดเตรียมวัตถุดิบและเครื่องเคียงสำหรับอาหารเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็มาเริ่มลงมือทำแกงเลียงแบบฉบับบ้านๆ กันได้เลย เริ่มจากนำเครื่องพริกแกงเลียงมาโขลกรวมกันจนละเอียด ในระหว่างนี้ให้ต้มนำซุปรอจนน้ำเดือด ใส่เครื่องพริกแกงที่โขลกละเอียดลงไป คนให้น้ำซุปและเครื่องพริกแกงเลียงเข้ากัน ใส่ข้าวโพดอ่อน ฟักทองลงไป ต้มจนฟังทองเริ่มนิ่มค่อยใส่บวบเพิ่มเข้าไป รอจนน้ำเดือดใส่กุ้งสดและใบแมงลัก เพียงเท่านี้ก็จะได้แกงเลียงแสนอร่อยไว้ทานกันที่บ้านง่ายๆ

เมื่อได้แกงเลียงกุ้งสดเรียบร้อยแล้ว ซึ่งเป็นแกงที่สามารถนำมาทานกับอะไรก็อร่อย ไม่ว่าจะเป็นข้าวสวยร้อนๆ หรือจะเป็นเส้นขนมจีน ก็อร่อยไปอีกแบบ สำหรับใครที่ชอบทานอาหารรสเผ็ด และจัดจ้าน ร้านอาหารอีสาน เรามีเคล็ดลับในการปรุงรสมาฝาก ก่อนยกแกงเลียงขึ้นจากเตาให้ท่านใส่ พริกสดซอยลงไป วิธีนี้จะช่วยให้น้ำแกงมีรสชาติเผ็ดจัดจ้านขึ้น


วันพฤหัสบดีที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

ร้านอาหารอีสาน Hitachino Nest Beer

ร้านอาหารอีสาน วันนี้จะพาไปรู้จักกับ เบียร์สัญชาติญี่ปุ่นอย่าง "Hitachino Nest Beer" หรือเบียร์ดำสายพันธุ์นกฮูก สไตล์ American double และ Imperial stout ดีกรี 7.50 ABV จัดได้ว่าเป็นเบียร์สายพันธุ์ที่น่าทึ่งมาก ด้วยการผสมผสานเทคนิคในการผลิตเบียร์ Hitachino Nest Beer ขึ้นมาก จากขั้นตอนเทคนิคการผลิตเบียร์รุ่นเก่าจากฝั่งยุโรป เข้ากับเทคนิคการหมักบ่มน้ำเบียร์แบบโบราณสไตล์ญี่ปุ่น ซึ่งใช้ถังเบียร์ในการหมักแบบเดียวกันกับการหมักเหล้า Shochu

ลักษณะของ Hitachino Nest Beer จะมีสีดำเงาคล้ายสีของกาแฟสด เมื่อเทใส่แก้วจะมีฟองฟูหนาเกือบ 3 นิ้ว และเมื่อได้ลิ้มลองเข้าไปจะพบกับรสชาติของกลิ่นกาแฟดำที่ชัดเจน ตามด้วยกลิ่นช็อกโกแลต วนิลา และคาราเมลไหม้ แต่สิ่งที่ได้จากการดื่ม Hitachino Nest Beer ก็คือรสชาติที่แปลกไป โดยเมื่อแรกเริ่มดื่มจะสัมผัสกับรสชาติที่ขมประมาณหนึ่ง แล้วค่อยเปลี่ยนเป็นรสของกาแฟสด แถมก๊าซคาร์บอนที่อัดพอดีอยู่ในน้ำเบียร์ จะช่วยให้สัมผัสถึงความนุ่มของเบียร์ยี่ห้อนี้ชัดเจน ร้านอาหารอีสาน จึงขอแนะนำให้ลองสัมผัสกับรสชาติเบียร์สัญชาตินี้ ความหนักแน่นจะบางกว่าเบียร์สไตล์ Imperial stout แต่ก็เป็นเบียร์ดำ Espresso ที่อร่อยอย่างน่าลิ้มลอง

นอกจากจะเป็นเบียร์ที่มีรสชาติอร่อยแปลกไม่เหมือนใครแล้ว แต่การดื่มเบียร์ยังมีคุณประโยชน์ต่อร่างกายอีกด้วย ร้านอาหารอีสาน จึงมีข้อแนะนำในการดื่มเบียร์มาฝากกัน ในยามค่ำคืนหากท่านใดที่เหนื่อยล้า และต้องการความสดชื่นเพื่อใช้ในการทำงาน แนะนำให้ดื่มเบียร์สัญชาตินี้หลัง เมนูอาหาร มื้อเย็น จะช่วยให้ท่านรู้สึกผ่อนคลาย และสดชื่นกะปรี่กะเปร่าขึ้น



      

วันอาทิตย์ที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

ร้านอาหารอีสาน แกงไตปลา

ร้านอาหารอีสาน วันนี้จะพาเข้าครัวไปรู้จักกับ "แกงไตปลา" สุดยอดอาหารแคลอรี่เบาๆ แต่อุดมไปด้วยคุณค่าทางสารอาหารที่มากเป็นพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นคุณค่าทางสารอาหารที่ได้จากผักที่ใส่เป็นเครื่องเคียงเสริม หรือจะเป็นคุณค่าทางสารอาหารที่ได้จากเนื้อปลา เหตุผลที่แกงไตปลาเป็นอาหารแคลอรี่น้อย เนื่องจากวัตถุดิบที่ใช้ในการประกอบอาหารส่วนมากนั้นคือผัก ซึ่งผักเป็นอาหารประเภทที่ไม่ให้พลังงาน แต่ให้คุณค่าทางสารอาหารประเภท วิตามิน และไฟเบอร์ ซึ่งช่วยในเรื่องของระบบขับถ่ายภายในร่างกาย ให้ร่างกายสามารถขับถ่ายได้สะดวก และเป็นปกติ


เมื่อเล็งเห็นถึงประโยชน์ที่จะได้รับจากอาหารมากมายขนาดนี้แล้ว เราลองมาเริ่มลงมือทำแกงไตปลากันได้เลย ก่อนอื่นที่จะเริ่มลงมือทำอาหารเราต้องมารู้จักกับวัตถุดิบในการประกอบแกงไตปลากันเสียก่อน ซึ่งวัตถุดิบสำหรับทำแกงไตปลานั้น ประกอบไปด้วย ไตปลา ปลาทูสด ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด หน่อไม้ลวก ถั่วฝักยาว ฟักทอง มะเขือเปราะ น้ำพริกแกงเผ็ดใต้ น้ำตาลปี๊บ และน้ำมะขามเปียก เมื่อจัดเตรียมวัตถุดิบสำหรับทำแกงไตปลาเสร็จเรียบร้อยแล้ว ต่อมาก็จะมาล้วงความลับจาก ร้านอาหารอีสาน ในการทำอาหารกัน เริ่มจากนำปลาทูสดไปย่างจนสุกหอม แล้วแกะเอาเฉพาะส่วนของเนื้อปลาทูเตรียมไว้ ต้มไตปลากับข่า ตะไคร้ และใบมะกรูด เพื่อให้ไตปลาไม่มีกลิ่นคาว ต้มไปจนกว่าเครื่องเคียงสมุนไพรจะส่งกลิ่นหอม ตักเครื่องเคียงสมุนไพรเหล่านั้นทิ้ง แล้วใส่พริกแกงเผ็ดใต้ลงไป ต้มต่อจนน้ำซุปเดือดจึงใส่ผักนานาชนิดตามใจชอบเข้าไป ไม่ว่าจะเป็นฟักทอง หน่อไม้ มะเขือเปาะ และถั่วฝักยาว ก่อนยกขึ้นให้ใส่ใบมะกรูดเพิ่มเข้าไปเพื่อเพิ่มความหอมให้แก่แกงไตปลา ปรุงรสด้วยน้ำตาลปี๊บ และน้ำมะขามเปียก ก็สามารถตักทานกับข้าวสวยร้อนๆ ได้เลย 

วันพฤหัสบดีที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

ร้านอาหารอีสาน กับไก่ย่างสมุนไพร

ร้านอาหารอีสาน วันนี้จะพาไปรู้จักกับวิธีในการทำ "ไก่ย่างสมุนไพร" ให้ได้ทำทานกันที่บ้านง่ายๆ หลายคนเมื่อเอ่ยถึงไก่ย่าง คงจะเบื่อกับรสชาติอาหารเดิมๆ เป็นแน่ ด้วยไก่ย่างสูตรนี้เป็นสูตรสมุนไพรที่สามารถทานได้ทั้งเด็ก และผู้ใหญ่ เคล็ดลับในการทานไก่ย่างให้อร่อย ก็คือการทานร่วมกันกับแจ่วน้ำจิ้มอีสานรสเด็ด อย่างปลาร้าบอง รับรองได้ว่าทานคู่กับไก่ย่างร้อนๆ อร่อยอย่าบอกใคร และยิ่งมีข้าวเหนียวร้อนนึ่งสุกใหม่ๆ ทานร่วมด้วยก็ยิ่งอร่อยลืม ประโยชน์ของเนื้อไก่นั้นนอกจากจะช่วยเสริมสร้างกร้ามเนื้อให้แก่ร่างกายแล้ว แต่เนื้อไก่ยังมีประโยชน์อีกมากมายนอกเหนือจากนี้ อาทิเช่น สามารถต้านทานโรคซึมเศร้าได้ ช่วยลดอาการเหนื่อยล้าได้เป็นอย่างดี ที่สำคัญการทานเนื้อไก่สามารถช่วยลดน้ำหนักได้ด้วย ฟังดูอาจจะขัดแย้งกัน เพราะเนื้อไก่เป็นอาหารประเภทโปรตีน แต่ในความเป็นจริงเนื้อไก่มีสารบางชนิดที่ช่วยลดน้ำหนักของกร้ามเนื้อหน้าท้องได้


เมื่อทราบถึงประโยชน์ และเคล็ดไม่ลับในการทานไก่ย่างให้อร่อยแล้ว ต่อมาก็จะพาเพื่อนๆ มาล้วงเคล็ดลับจาก ร้านอาหารอีสาน ในการย่างไก่ให้อร่อยกัน ก่อนอื่นเราต้องไปเตรียมวัตถุดิบสำหรับการหมักเนื้อไก่กันเสียก่อน ประกอบไปด้วย ตะไคร้ ข่า หอมแดง กระเทียม พริกไทย น้ำมันหอย น้ำมันงา ซีอิ๊วขาว และน้ำผึ้ง เมื่อได้วัตถุดิบครบแล้ว ต่อมาก็มาลงมือทำไก่ย่างสมุนไพรกันได้เลย เริ่มจากนำตะไคร้ ข่า หอมแดง กระเทียม พริกไทย มาโขลกให้ละเอียด แล้วนำไปผสมกับเครื่องปรุงรสอย่าง น้ำมันหอย น้ำมันงา ซีอิ๊วขาว น้ำผึ้ง ก็จะได้น้ำหมักสมุนไพร แล้วนำไปหมักกับไก่ทิ้งค้างคืนไว้ ประมาณ 1 คืน ก็สามารถนำมาย่างทานได้เลย

วันอาทิตย์ที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

ร้านอาหารอีสาน กับส้มตำแคปหมู

ร้านอาหารอีสาน วันนี้ขอแนะนำ "ส้มตำแคปหมู" สุดยอดเมนูส้มตำอีสานที่หาทานได้ยากมากๆ ซึ่งส้มตำแคปหมูของแต่ละจังหวัดนั้นก็จะมีลักษณะรสชาติที่แตกต่างกันออกไป ทั้งลักษณะของเนื้อแคปหมูที่ทางร้านเลือกใช้ก็แตกต่างกันด้วย แต่โดยปกติแคปหมูที่จะนำมาเป็นวัตถุดิบเสริมสำหรับส้มตำนั้นจะต้องมีลักษณะที่เหนียวแต่กรอบ เพราะถ้าหากทางร้านเลือกใช้แคปหมูธรรมดาทั่วไปตามท้องตลาด ซึ่งเป็นแคปหมูที่มีความเปราะบาง เมื่อนำมาตำผสมกับส้มตำ แคปหมูจะดูดเอาน้ำส้มตำไป ทำให้เวลาทานเนื้อแคปหมูจะเหนียมไม่อร่อย


ขั้นตอนในการทำ "ส้มตำแคปหมู" ของทาง ร้านอาหารอีสาน นั้นก็มีเคล็ดไม่ลับที่อยากบอกต่อ ก่อนอื่นที่จะมาลงมือทำส้มตำแคปหมูกันนั้น ต้องมารู้จักกับวัตถุดิบในการทำส้มตำกันเสียก่อน ซึ่งประกอบไปด้วย มะละกอ ถั่วฝักยาว น้ำตาลปี๊บ น้ำมะนาว มะเขือเทศ พริกสด กระเทียมสด มะกอก น้ำปลา น้ำปลาร้า และน้ำมะขามเปียก เมื่อเตรียมวัตถุดิบสำหรับตำส้มตำเสร็จเรียบร้อยแล้ว ต่อมาก็มาลงมือทำได้เลย เริ่มจากสับมะละกอให้เป็นเส้นๆ เตรียมไว้ จากนั้นโขลกกระเทียม และพริกขี้หนูสด พอให้ละเอียดคลุกเคล้ากัน จากนั้นใส่มะเขือเทศ มะกอก มะนาว น้ำปลาร้า น้ำปลา น้ำตาลปี๊บ ปรุงรสจนอร่อย แล้วใส่เส้นมะละกอ พร้อมถั่วฝักยาวลงไป ตำคลุกเคล้าจนเส้นมะละกอเข้ากับเครื่องปรุงรส ก่อนตักเสิร์ฟให้ใส่แคปหมูลงไปคลุกเคล้ากับส้มตำ เพียงเท่านี้ก็จะได้ส้มตำแคปหมูแสนอร่อยทาน